บริบททางสังคมในยุคสมัยปัจจุบันได้มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากมาย
การสื่อสารทำให้โลกแคบลงการคมนาคมทำได้สะดวกและประหยัดเวลามากยิ่งขึ้นรวมถึงการรับรู้ข่าวสารจากต่างทวีปก็สามารถรับรู้ได้อย่างฉับไว้
ทั้งหมดนี้เป็นผลมาจากความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีในปัจจุบันหรือเราสามารถที่จะเรียกช่วงสมัยนี้ว่ายุคโลกาภิวัฒน์ได้อย่างแท้จริง
การเปลี่ยนแปลงในด้านต่างๆ
เหล่านี้ล้วนมีจุดประสงค์มาจากการที่มนุษย์ไม่หยุดการพัฒนาในด้านเทคโนโลยีจนนำไปสู่การตอบโจทย์พื้นฐานของการดำรงชีพของมนุษย์ในสังคมซึ่งนั่นก็คือความสะดวกสบายในการดำรงชีวิต
หากแต่การที่มนุษย์เปิดพื้นที่ให้ความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีเหล่านี้เข้ามามีส่วนร่วมในการดำรงชีวิตมากขึ้นเรื่อยๆ
ก็ส่งผลต่อวิถีชีวิตของมนุษย์ในสังคมด้วยเช่นกัน เนื่องจากสิ่งเหล่านี้เมื่อเข้ามามีบทบาทมากขึ้นสิ่งที่จะถูกลดทอนบทบาทลงไปก็มีด้วยเช่นกัน
โดยเฉพาะในปัจจุบันการเกิดขึ้นเกมประเภทกีฬาที่สามารถที่จะสัมผัสกับสิ่งนั้นได้โดยที่ไม่ต้องออกแรงให้เสียเหงื่อ
แค่เพียงแต่เปิดหน้าจอคอมพิวเตอร์และเปิดโปรแกรมเกมนั้นก็ทำให้สามารถที่จะสัมผัสกับความรู้สึกสนุกได้
หากแต่สิ่งเหล่านี้ทำได้เพียงแค่ทำให้มนุษย์กลุ่มนั้นได้เข้าใกล้ความเป็นจริงในมิติของความรู้สึกเพียงเท่านั้น
เปรียบเสมือนกับภาพมายาโดยมีเทคโนโลยีเป็นสื่อกลางในการส่งผ่านความรู้สึกมายังมนุษย์
สิ่งที่ได้กล่าวมานั้น อาจจะดูเป็นมุมมองหนึ่งสำหรับความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยี
หรือในยุคโลกาภิวัฒน์ แต่สำหรับในมุมมองของโลกตะวันตกความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสามารถที่จะสร้างสรรค์ให้เกิดความมหัศจรรย์ในอีกหลายๆด้านด้วยเช่นกัน
โดยเฉพาะในกรณีของความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีจนนำไปสู่การพัฒนาทางด้านของเครื่องจักร
และสิ่งนี้ได้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจน
โดยเฉพาะสังคมทุนนิยมที่มีเครื่องจักรเป็นกำลังผลิตหลักต่างจากในอดีตที่กำลังผลิตหลักนั้นได้มาจากแรงงานมนุษย์หรือแรงงานสัตว์
การเปลี่ยนแปลงในสิ่งเหล่านี้ได้สะท้อนให้เห็นว่าการผันแปรทางสังคมในช่วงสมัยแห่งความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยี
นั้นการแทรกซึมลงไปในทุกอนูของสังคม
หยั่งรากลึกลงไปในวิถีชีวิตของมนุษย์จนยากที่จะปฏิเสธได้
ทั้งนี้ได้รวมถึงความบันเทิงที่ได้กล่าวไปก่อนหน้านี้ด้วยเช่นกัน
Real Steel : ศึกหุ่นเหล็กกำปั้นถล่มปฐพี เป็นภาพยนตร์ที่ถูกกำกับโดย ชอว์น เลวี่ เข้าฉายในประเทศไทยในปลายปีที่ผ่านมา (2554) โดยมีเนื้อหาแอคชั่นผสมรวมกับดราม่า สะท้อนชีวิตของนักกีฬาชกมวยผู้หนึ่ง ซึ่งไม่ได้รับเกียรติ์ยศหรือรางวัลใด
ๆ ทั้งสิ้น ชาร์ลี เคนตัน
(ฮิวจ์ แจ็คแมน ) และเมื่อหุ่นเหล็กสูง 8 ฟุตหนัก 2,000 ปอนด์
ได้เข้ายึดครองเวทีที่เขาเคยโลดแล่นมาก่อนจึงทำให้เขาต้องทำทุกวิถีทางในการที่จะเข้ามาต่อสู้อีกครั้ง
หากแต่ในครั้งการต่อสู้ได้เปลี่ยนแปลงไปตามช่วงสมัยของกาลเวลา
การต่อสู้ของเขาในยุคสมัยนี้ไม่ได้เหมือนกับในอดีต จากเกมส์การต่อสู้ที่เปลี่ยนไปจากหมัดแลกหมัด
สู่โลหะปะทะโลหะ
จึงทำให้นักมวยที่เป็นมนุษย์ทำได้เพียงแค่ยืนบังคับหุ่นเหล็กอยู่ข้างเวทีเท่านั้นเมื่อเข้าสู่ช่วงปี
ค.ศ.2020
ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของสังคม
และวิถีของชีวิตมนุษย์ในช่วงปี ค.ศ.2020 ที่ดำรงอยู่ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลง
การถ่ายทอดของชอว์น เลวี่ ได้แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงในอนาคตที่มีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้น
เกมการกีฬาซึ่งเป็นสิ่งมนุษย์ชาติมีความภาคภูมิใจและเป็นสิ่งที่แสดงความยิ่งใหญ่ของตนเองกลับถูกแทนที่โดยหุ่นเหล็ก
หากแต่การเปลี่ยนแปลงเหล่านั้นได้สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการที่เปลี่ยนไปของมนุษย์ก็เป็นได้
ในกรณีของภาพยนตร์เรื่องนี้ก็คือผู้ชม
ซึ่งในกรณีของการชกมวยสำหรับคู่ชกที่เป็นมนุษย์ด้วยกันความบันเทิงของผู้ชมนั้นอาจจะอยู่เพียงแค่การที่นักมวยคนใดคนหนึ่งโดนน็อค
หรือถูกซัดจนลงไปหมอบกับเวที นี่คือสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงความบันเทิงของผู้ชมสำหรับคู่ชกที่เป็นมนุษย์ด้วยกัน
หากแต่ในเนื้อเรื่องของ Real Steel นั้น ชื่อที่แปลเป็นไทยก็ได้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนแล้วว่า
ศึกหุ่นเหล็กกำปั้นถล่มปฐพี
ที่แสดงให้เห็นภาพของความบ้าคลั่งของผู้ชม โดยสะท้อนให้เห็นถึงการต่อสู้ที่มนุษย์ไม่สามารถที่จะทำได้เนื่องจากมีข้อจำกัดทางด้านกฏหมายและศีลธรรมขวางกั้นอยู่
การที่ชอว์น เลวี่หยิบยกเอาการต่อสู้ของหุ่นเหล็กมาสู้กันนั้น
อาจจะสะท้อนให้เห็นถึงจิตใต้สำนึกที่แท้จริงของมนุษย์
ที่แฝงอยู่ในเบื้องลึกของคนทุกคนไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม อีกทั้งภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่เพียงแต่นำเสนอการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวิถีชีวิตของมนุษย์เพียงเท่านั้น
หากแต่ยังมีการนำเสนอให้เห็นถึงการปรับตัวของมนุษย์ให้เข้ากับการยอมรับความเป็นจริงที่เปลี่ยนแปลงไป
โดยเฉพาะในกรณีของชาร์ลี เคนตันถึงแม้ว่าลึกๆในจิตใจของเขาก็ยังไม่สามารถที่จะยอมในการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ได้ก็ตามที
การเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวิถีชีวิตของมนุษย์ในภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเพียงแค่ประเด็นหนึ่งเท่านั้น
หากแต่ภายใต้การเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวิถีชีวิตนั้นได้ทำให้เกิดความสัมพันธ์ในรูปแบบของมนุษย์กับเครื่องจักร
ซึ่งสิ่งนี้ก็ได้มีความสอดคล้องกับยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะในกรณีของอุตสาหกรรมที่เครื่องจักรคือปัจจัยสำคัญในการผลิตสินค้า
เมื่อไร้ซึ่งเครื่องจักรก็ไม่ต่างอะไรจากขาดสิ่งที่สำคัญที่สุดในกระบวนการผลิตไป
สิ่งนี้ยิ่งตอกย้ำให้เห็นว่าเมื่อความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีเข้ามาครอบคลุมทุกวิถีทาง
ก็ทำให้เกิดการพึ่งพาสิ่งเหล่านี้จนเคยตัว ถึงแม้ว่าความสัมพันธ์ของมนุษย์
และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีจะเป็นความสัมพันธ์ในรูปแบบของการเกื้อหนุนซึ่งกันและกัน
แต่เมื่อขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไปมนุษย์ก็ไม่ต่างอะไรคนพิการที่พึ่งพาและโหยหาเทคโนโลยีแต่เพียงอย่างเดียว
เช่นเดียวกันกับ ชาร์ลี เคนตัน ถ้าเขาไร้ซึ่งอะตอมหุ่นนักมวยของเขา ชาร์ลี
เคนตันก็ไม่สามารถที่จะสู้กับ ซูส หรือหุ่นตัวอื่นๆได้ เนื่องจากเขาเป็นเพียงแค่มนุษย์แต่สิ่งที่เขาต้องต่อกรด้วยนั้นคือหุ่นเหล็กสูง
8 ฟุตหนัก 2,000 ปอนด์
ซึ่งเมื่อเทียบกันแล้วเขาไม่มีทางที่จะชนะได้นอกจากเขาต้องมีหุ่นของเขาด้วยเช่นกันซึ่งหุ่นตัวนั้นก็คือ
อะตอม
อะตอมเป็นหุ่นยนต์ที่ถูกพบโดยบังเอิญเมื่อชาร์ลีและแมกซ์
แอบเข้าไปหาอะไหล่เพื่อที่จะนำมาประกอบหุ่น
แต่ในช่วงที่กำลังหาอะไหล่อยู่นั้นแมกซ์ได้พลัดตกลงไปในเหวแต่โชคดีที่แขนของอะตอมเกี่ยวแมกซ์เอาไว้
จึงทำให้แมกซ์รอดมาได้จากอุบัติเหตุในครั้งนี้
หลังจากเหตุการณ์นั้นจึงเปรียบเสมือนจุดเริ่มต้นของการต่อสู้
ที่ทอดยาวออกไปที่กำลังรอพวกเขาอยู่
อะตอมเป็นหุ่นยนต์ที่มีความแตกต่างจากหุ่นยนต์ตัวอื่นๆ ในภาพยนตร์เรื่องนี้ซึ่งนั่นเป็นเพราะอะตอมแสดงออกในสิ่งที่มีความคล้ายคลึงกับแมกซ์โดยเฉพาะในด้านของความอ่อนโยนและมีความคล้ายคลึงมนุษย์มากที่สุดในบรรดาหุ่นยนต์ทั้งหมด
ซึ่งต่างจากหุ่นตัวอื่นที่แสดงให้เห็นแต่ในมุมมองของการทำลายความรุนแรงและไร้ซึ่งหัวใจ
หากแต่อะตอมที่เป็นหุ่นยนต์เหมือนกันแต่กลับถูกเขียนบทให้มีหัวใจ
ซึ่งส่วนหนึ่งอาจจะมาจากผู้กำกับที่ระบุลงไปในบทว่าอะตอมมีฟังชั่นเงา ซึ่งก็คือการเลียนแบบอากัปกิริยาของมนุษย์
สิ่งนี้จึงทำให้อะตอมเกิดความแตกต่างจากหุ่นยนต์ตัวอื่นในเรื่องอย่างสิ้นเชิง ราวกับผู้กำกับพยายามจะสร้างให้อะตอมเป็นมนุษย์ในร่างของหุ่นยนต์
โดยพยายามที่จะสื่อให้เห็นถึงมุมมองที่มีความแตกต่างออกไปจากหุ่นยนต์ตัวอื่นๆ บางทีอะตอมในภาพยนตร์เรื่องนี้อาจจะถูกแทนค่าด้วยคุณค่าในทางที่ดีของเทคโนโลยีสมัยใหม่ก็เป็นได้
จากหุ่นเหล็กอะตอมซึ่งเป็นตัวละครที่เป็นสัญลักษณ์แห่งความอ่อนโยนและมีความคล้ายคลึงกับมนุษย์โดยเฉพาะในด้านของกิริยาท่าทาง
แต่ยังไงก็แล้วแต่หุ่นยนต์ก็ยังเป็นหุ่นยนต์เพราะตัวตนที่แท้จริงที่ส่งผ่านความรู้สึกนั้นก็คือมนุษย์ผู้ที่ซึ่งควบคุมนั่นเอง
สิ่งนี้จึงได้สะท้อนให้เห็นอีกมุมมองหนึ่งในภาพยนต์เรื่องนี้
สิ่งนั้นก็คือหุ่นยนต์ที่ชื่อว่า ซูส
ซึ่งเจ้าหุ่นตัวนี้มีลักษณะที่แตกต่างจากอะตอมอย่างสิ้นเชิงทั้งในรูปร่างทางด้านกายภาพที่ใหญ่กว่าและบุคลิกที่ดุดัน
บวกกับสีของหุ่นตัวนี้นั้นถูกใช้สีดำ
ยิ่งเสริมให้หุ่นตัวนี้แสดงนัยยะไปในด้านของความรุนแรงและการทำลายอย่างสิ้นเชิง
จากในภาพยนต์เรื่องนี้ซูสได้ถูกออกแบบให้เป็นหุ่นยนต์ที่มีพละกำลังในการต่อสู้ในทุกรูปแบบบวกกับทีมงานที่ดูแลเกี่ยวกับซูสนั้นก็ได้มีเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยในการควบคุมหุ่นยนต์
จึงไม่แปลกเลยที่ซูสจะเป็นสิ่งที่ถูกแทนค่าโดยเฉพาะเทคโนโลยีสมัยใหม่ ซึ่งถ้านำไปเปรียบเทียบกับอะตอม
อะตอมเป็นเพียงแค่หุ่นเหล็กที่ถูกขุดขึ้นมาจากลองเศษเหล็กและชาร์ลีกับแมกซ์ก็ไม่มีเครื่องมือที่ล้ำสมัยเมื่อนำมาเปรียบเทียบกับซูส
ฉะนั้นแล้วซูสนอกจากจะถูกแทนค่าว่าเป็นเทคโนโลยีที่มีความทันสมัยสำหรับช่วงเวลานั้นแล้ว
ซูสยังถูกหยิบยกและตีค่าว่าเป็นมุมมืดสำหรับเทคโนโลยีที่ทันสมัย ซึ่งเป็นเพราะว่านัยยะของหุ่นตัวนี้ได้ถูกแสดงออกมาในรูปแบบของการทำลายซึ่งไม่ต่างจากอาวุธทางการทหารที่มีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
อีกทั้งสีดำที่ถูกทาบนตัวซูสมีความหมายไปในทางที่มืดมนไร้ซึ่งแสงสว่าง
และเมื่อนำความหมายที่ถูกตีค่าทั้งสองอย่างมารวมด้วยกัน
สิ่งที่ได้ก็คือการเข้าสู่ยุคมืดที่มีแต่การทำลายและความรุนแรง
แต่ในที่นี้ไม่ได้หมายความว่าจะเกิดเหตุการณ์ที่รุนแรงหรือการนองเลือดขึ้นแต่ประการใด
หากแต่ความรุนแรงและการทำลายนั้นอาจจะเกิดขึ้นในด้านของทุนนิยมที่มีการแข่งขันในทางธุรกิจกันอย่างรุนแรง
และการทำลายนั้นอาจจะเกิดขึ้นในรูปแบบของการทำลายวัฒนธรรมอันดีงามเนื่องจากการเข้าครอบงำทางเทคโนโลยี
จนทำให้คนในสังคมหลงระเริงไปกับความทันสมัยของเทคโนโลยีจนลืมประเพณีการสืบทอดวัฒนธรรมอันดีงามไปสู่รุ่นต่อไป
ความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีอาจเปรียบเสมือนกับดาบสองคมถ้าเราใช้มันให้เกิดประโยชน์สูงสุดและใช้อย่างถูกวิธีผลกระทบที่ตามมาอาจจะไม่รุนแรงเท่าใดนักหากแต่เราใช้อย่างผิดวิธีและมุ่งแต่โหยหาเทคโนโลยีสมัยใหม่แต่เพียงอย่างเดียว
ก็ไม่ต่างอะไรจากการตกอยู่ภายใต้กระแสบริโภคนิยมจนไม่ลืมหูลืมตา มัวแต่วิ่งตามความทันสมัยโดยที่ไม่รู้เลยว่าสิ่งเหล่านั้นมันจะหยุดอยู่ที่ใดและเมื่อไหร่
การเปลี่ยนแปลงทางสังคมอันเกิดจากความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีในด้านหนึ่ง
อาจจะทำให้สังคมเกิดความเจริญก้าวหน้าในรูปแบบของความเป็นรูปธรรม
แต่ในด้านของนามธรรมอาจจะถูกลอนทอนให้ด้อยค่าลงเพราะความไม่รู้จักพอของตัวมนุษย์เอง
ชาร์ ลี เคนตัน แมกซ์ และอะตอมได้แสดงให้เห็นแล้วในภาพยนต์เรื่องนี้ว่าไม่จำเป็นต้องมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยแต่ก็สามารถที่จะดำรงชีวิตและประสบความสำเร็จได้ในสังคมฉะนั้นทุกสิ่งทุกอย่างล้วนขึ้นอยู่กับน้ำมือของมนุษย์จะดีที่สุดหรือต่ำที่สุดมนุษย์เท่านั้นที่เป็นผู้กำหนดทิศทางของสิ่งเหล่านั้นให้ดำเนินต่อไปในอนาคต
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น